Intern Cute Boys & Girls | No.04 | น้องแพตตี้
- Cute girls 2017 ประจำเดือน พฤษภาคม น้องแพตตี้ @ม.เชียงใหม่ -
“เราต้องเป็นตัวของตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างที่ใครเขาอยากให้เป็น”
อรพิชญ์ เจริญสุข (แพตตี้) ชั้นปีที่ 4
คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ทำไมเลือกเรียนคณะนี้
: จริงๆ แพตตี้ไม่เคยมีความคิดที่จะเรียนที่เชียงใหม่เพราะเราอยู่เชียงใหม่มาตั้งแต่เด็ก ก็เลยไปเรียนที่อื่น ไปสอบตรงแม่ฟ้าหลวง คณะภาษาจีนธุรกิจแล้วก็ติด แต่หนูยังจ่ายค่าสมัครสอบโควต้าของ ม.เชียงใหม่ อยู่ก็เลยไปสอบโควต้า มช. แล้วเลือกภาษาจีน คณะมนุษศาสตร์อันดับ1 เลือกสื่อสารมวลชน อันดับ 2 แต่ก็ได้อันดับ 2 เหมือนเรารู้ว่าเราจะมีความสุขกับอย่างไหนมากกว่ากันก็เลยเลือกอันนี้
แล้วความคิดที่ไม่อยากเรียนเชียงใหม่มันหายไปหรือเปล่า
: มันก็ไม่หายนะ จริงๆ ตอนนั้นคิดมากเลยว่าจะเรียนอะไรดี แต่รู้สึกว่าถึงสถานที่มันจะเป็นอุปสรรคกับเรา แต่ว่าการที่เราชอบจะต้องแลกกับอะไรซักอย่างเช่นกัน
ทำไมถึงเลือกเรียนสาขาวิทยุกระจายเสียง
: จริงๆ คณะนี้มีประมาณ 7สาขา หนูคิดว่า หนูจะเรียนวิทยุกระจายเสียงตั้งแต่เริ่มแรก เพราะหนูรู้สึกว่า วิทยุกระจายเสียงได้พูดเยอะ แล้วหนูเป็นคนชอบพูด เมื่อก่อนเป็นคนพูดเร็วมากๆ เวลาอยุ่กับไมค์ก็ตื่นไมค์ด้วย คือหนูอยากฝึกการพูด เพราะเป็นคนที่พูด ร เรือไม่ชัด คืออยากลองการใช้คำพูดของตัวเองให้มันเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ด้วย เพราะว่าหนูรู้สึกว่า วิทยุกระจายเสียงใช้ได้เยอะที่สุดถ้าเทียบกับเมเจอร์อื่นๆ
เลือกเรียนคณะนี้ สาขานี้แสดงว่าเป็นคนคุยเก่ง
: ใช่ค่ะเป็นคนพูดมาก
นิสัยส่วนตัวของเราเป็นคนยังไง
: เราเป็นคนพูดมากแต่ว่าเพื่อนจะบอกเลยว่าถ้ายังไม่ได้รู้จักกัน แพตตี้เหมือนเป็นคนหยิ่ง แพตตี้เป็นคนสวย เริ่ด เชิ่ด ซึ่งจริงๆ แล้วเราเป็นคนพูดมาก เป็นคนตรงๆ เป็นคนมั่นใจในตัวเอง มันเลยดูเหมือนลุคออกมาเป็นแบบนั้น รุ่นน้องก็จะไม่กล้าเข้าหาพี่แพตตี้เลย แต่พอเขารู้จักเราจริงๆ เขาก็บอกเลยว่าเราไม่มีอะไรเลย เป็นคนบ้าๆ นั่นเอง
“ถ้าเราทำงานออกมาดี มันอาจจะดีได้มากกว่านี้ไหม
มันเป็นการประเมินตัวเองไปในตัวในแต่ละงาน”
มีวิธีการจัดการตัวเองยังไง ไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเราเข้าถึงยาก
: ก็ไม่บอกค่ะ ปล่อยเขาไป เขาคิดยังไงก็เรื่องของเขา แต่ว่าสุดท้ายแล้วถ้ารู้จักเรา คุณก็จะรู้เองว่า สิ่งที่คุณคิดมันผิด แต่ถ้าฟังคนอื่นพูดมาไม่เชื่อเราก็แล้วแต่เลย
คิดว่าความมั่นใจของเรามีผลดีหรือผลเสียยังไง
: หนูรู้นะว่า บางทีผู้ใหญ่เขาจะไม่ชอบ เพราะเหมือนว่ามั่นใจเกินไปไหม ในความคิดหนูผู้ใหญ่เขาจะมองว่า เราเก่งเกินเด็กไปหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นรุ่นเดียวกันจะมองว่า ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ซึ่งในความคิดเราๆ แคร์ทุกคนบนโลกไม่ได้ คือเหมือนเราเคยแคร์แล้วยังไง? เราต้องทำตามแบบที่เขาต้องการเหรอ มันไม่ใช่ตัวเรา แล้วทำไมเราต้อไปสนใจด้วย
เรามีข้อดีอะไรบ้าง
A: ข้อดีก็มีคือ เรากล้าทำอะไรหลายๆ อย่าง คือพอเราเป็นคนมั่นใจในตัวเอง เรารู้ว่าเราทำอะไรบ้าง รู้ว่าเรามีอะไรดี เราก็แสดงออกมาให้คนอื่นเห็นว่า เราทำสิ่งนี้ได้นะ แล้วเขาก็จะรู้ว่าเราทำอันนี้ได้แล้ว ถ้าเราไม่บอก เขาก็ไม่รู้ว่าเราทำอะไรเป็น มันคือความมั่นใจที่จะแสดงตัวเองออกมา
ความมั่นใจ ทำให้เราทำอะไรได้หลายๆ อย่างใช่ไหมคะ
: ใช่ค่ะ หนูจำได้เลย ครั้งหนึ่ง ตอนเราเข้าไปตอนปี 1 ก็จะมีรับน้อง มันก็จะมีสันทนาการต่างๆ เป็นแบบกลุ่มไป แต่มันจะมีเหตุการณ์นึงค่ะ มีประมาณ 9 ถึง 10 แถว แล้วเขาให้หัวแถวออกมาจับฉลาก แล้วก็ให้ไปเต้นข้างหน้า แล้วด้วยความเป็นแพตตี้ก็เต้นสุดค่ะคือ หลังจากนั้นความคิดทุกคนที่คิดว่าสวยก็คือไม่ใช่แล้ว แต่ทุกคนจะคิดว่าเราเป็นตัวของตัวเอง และเป็นคนร่าเริงเกินเหตุ เป็นบ้า นั่นเองค่ะ
“โอกาสดีๆ มันมีไม่บ่อย เมื่อมันมาถึงเราก็น่าจะคว้าไว้”
มีสิ่งที่ชอบที่สุดไหม
: ตั้งแต่ปี 1 หนูทำกิจกรรมของคณะทุกอย่างเลย ทุกอย่างจริงๆ เต้น แสดงละครทำทุกอย่างเพราะเรารู้สึกว่า ปีหนึ่งควรใช้ให้คุ้ม งานของพี่ปี3 ปี4 งานซี่รี่ย์ ละครเวที เราก็จะทำหมดทุกอย่างเลย สำหรับที่ภูมิใจในตอนปี1 คือ ตอนที่เป็น Sprit Night ของมหาลัยก็คือ แต่ละคณะก็จะมาแสดงกันตอนกลางคืน ประเด็นที่พีคมากก็คือ หนูแสดงเป็นผู้หญิงโดนแฟนทิ้งแล้วท้องแล้วอยากฆ่าตัวตาย แล้วตอนแสดงไฟดับ ฝนตกลมพัดแรง เวทีเปิดไฟไม่ได้ ดนตรีเปิดไม่ได้ แต่มันถึงเวลาที่ต้องแสดงแล้ว ก็แสดงเต็มที่เลย แต่ตอนนั้นเป็นอะไรที่ขนลุกมากคือ แต่งตัวเป็นผีในชุดขาวแล้วก็แขวนคอ มันภูมิใจที่การแสดงนั้นมีคนพูดถึงว่ามี Sprit ในการแสดง
การแสดงก็ผ่านไปได้ใช่ไหม ?
: ใช่ค่ะ รุ่นพี่เขาก็บอกว่า เราต้องสู้ ต้องผ่านไปได้ ทุกคนก็เต็มที่มาก ยินดีมากที่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโชว์นี้ หลังจากนั้นก็ไปเข้าตาพวกบริษัทรับจัดงานอีเว้น แล้วคือในส่วนนี้เขาต้องการคนที่ รำเป็น เต้นเป็นด้วย เพราะว่ามันจะมีรำประยุกต์ ที่ ‘สปันงา’พอเข้ามาเราก็ได้ร่วมงานต่างๆ แล้วก็จะมีไปดูที่ต่างประเทศด้วย แล้วเราก็ได้ไปสองประเทศ ตอนนั้นเราไปดูไบ กับคาซัคสถาน ไปในนามประเทศไทย เป็นอะไรที่เราคิดว่า ถ้าเราไม่ได้มาอยู่จุดนี้ เราก็ไม่มีวันได้ไปเลย รู้สึกดีมาก ที่ทำให้เขามองประเทศเราว่า มีศิลปะวัฒนธรรม
ที่เราทำกิจกรรมมาทั้งหมด ทั้งพิธีกร นักแสดง ได้อะไรกลับมาบ้าง
: เป็นการใช้ชีวิตที่คุ้มในแบบของแพตตี้ แพตตี้ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่คนอื่นไม่ได้ทำ แพตตี้ได้เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองว่า งานนี้เราเคยทำได้ดี เราจะทำยังไงต่อไหมให้มันดีขึ้นไป แต่ละงานสามารถประเมินตัวเองได้ว่า งานวันนี้ต้องแก้ไขนะ งานวันนี้เมื่อก่อนเราเคยดีกว่านี้ ต้องแก้ยังไง แล้วถ้าเราทำงานนี้ออกมาดี มันอาจจะดีได้มากกว่านี้ไหม มันเป็นการประเมินตัวเองไปในตัวในแต่ละงาน
เราแบ่งเวลาตอนเรียน ตอนทำงานยังไง
: จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ หนูต้องจบแล้วแต่หนูเรียนเกินมา 1 ปี เพราะว่าหนูดรอปเพื่อจะไปทำงานโดยเฉพาะ เพราะว่าสัญญางานมันปีหนึ่งพอดี เป็นเหมือนการประกวดอย่างหนึ่งแล้วพอเราประกวดได้ ก็ตัดสินใจอยู่ว่าจะทำยังไง จะรับหน้าที่นี้ไหม หรือจะเรียนต่อ? แต่ว่าหนูรู้สึกว่าโอกาสดีๆ มันมีไม่บ่อย เมื่อมันมาถึง เราก็น่าจะคว้าไว้ แล้วอีกอย่าง มันทำให้รู้ว่าเราไม่ได้ชอบแบบนี้ เราก็จะตัดตัวเลือกของเราไปได้ว่า ถ้าเรียนจบไปจะไม่ทำงานแบบนี้ มันไม่ใช่ทางของเรา
หาตัวเองเจอหรือยัง?
: บางทีมันอาจจะเบื่อ แต่ในขณะที่เรามีความสามารถหลายอย่าง เราไปทางไหนก็ได้ สุดท้ายแล้วเราเบื่อเราก็จะกลับมาที่เดิมความฝันของเราคือ เราอยากเป็นพิธีกร ก่อนหน้านี้เราไม่เคยได้ทำอะไรจริงจัง หนูได้เป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้ว และเป็นคนชอบเที่ยวมากพอได้เป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยว ก็รู้ว่ามันเป็นทางของเรา
เป็นอีกทางที่อยากทำเลยใช่ไหม
: ใช่แล้วค่ะ ส่วนอีกทางที่อยากทำคือ หนูเป็นชอบกิน กินแบบบันเทิง กินทุกอย่างไม่แคร์ว่าอ้วนไม่อ้วน
จึงทำให้คติประจำใจคือ การกิน
: เพราะว่ากินแล้วมีความสุขค่ะ หนูแค่รู้สึกว่า อยากกินอะไร ก็ต้องได้กินอะ เพราะการกินคือความสุขของเรา แต่เป็นคนที่ขี้เกียจออกกำลังกาย ก็ไม่ค่อยออกแต่จะเต้น ถ้าให้เลือกไปเต้นฟิตเนส หรือเต้นแอโรบิก หนูจะเลือกเต้นแอโรบิกมากกว่า
คิดไว้หรือยังว่าเรียนจบแล้ว จะเป็นพิธีกร
: ถ้าเกิดได้สมัคร ก็คงไปสมัครเป็นพิธีกรรายการอาหาร รายการท่องเที่ยว เพราะว่าเราไม่ชอบอยู่กับที่ ได้ enjoy ทั้ง eating แล้วก็ travel ด้วย
คิดว่านิยามของ intern cute boy and girl ในแบบฉบับของแพตตี้คืออะไร
: เราต้องเป็นคนมั่นใจในตัวเอง แล้วก็เชื่อในตัวเองว่า เป็นคนแบบนี้แล้วก็แสดงออกมาแบบนี้ แพตตี้คิดว่า เราต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างที่ใครเขาอยากให้เป็น เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่ออะไรทั้งนั้น อาจจะปรับเปลี่ยนบ้างให้เข้ากับสถานการณ์แต่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเมนหลักของตัวเองเพื่อสิ่งอื่น
Facebook : Oraphich Charoensuk
IG : Pattiiezz
Twitter : @PattiieP