เด็กฝึกงาน.com

รู้จักกันไว้ เทคนิค เครื่องมือ และช่องทาง ของสายอาชีพ “Digital Marketing”

  • บทความนักศึกษา
  • 7/6/17
  • 6,718
รู้จักกันไว้ เทคนิค เครื่องมือ และช่องทาง ของสายอาชีพ “Digital Marketing”

เทคนิค เครื่องมือ และช่องทาง

ของสายอาชีพ “Digital Marketing”

. . . .

Digital Advertising คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับการทำโฆษณาบน Online ประเภทต่างๆ ได้แก่

  • Search Advertising หรือที่เราเรียกว่า AdWords คือ การคิดคำที่เป็น Keywords โฆษณาให้ตรงกับคำค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย
  • Affiliate คือ การลงโฆษณาแบบนายหน้า แนะนำ ฝากขาย หรือมีการอ้างอิง (Referral)
  • Pay Per Click Advertising คือ การลงโฆษณาแบบจ่ายเป็นครั้งตามจำนวนที่มีคน Click
  • Display Advertising คือ การลงโฆษณาเป็น Banner หรือ Interactive Board ตามสถานที่ต่างๆ ก็ได้
  • Social Media Advertising คือ การลงโฆษณาแบบกำหนด Target หรือกลุ่มความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้

E-Mail Marketing คือ การใช้เครื่องมือทางการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงในรูปแบบของอีเมล์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณา ให้กับกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบข้อมูลตัวหนังสือ (Text) หรือเว็บ Link (HTML) ข้อดีของการใช้งาน E-Mail Marketing เพราะว่าราคาถูก สะดวก รวดเร็ว และตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งผลการวิจัยจากต่างประเทศพบว่า ในแง่การใช้งานทางธุรกิจ เครื่องมือชนิดนี้ได้ผลดีกว่า Facebook หรือ Twitter เกือบ 40 เท่า ซึ่งในปัจจุบัน MailChimp เป็นเครื่องมือที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะจะมีค่า Open Rate, Click Rate และ Bounce Rate ให้วิเคราะห์ด้วย


Social Media Marketing คือ เครื่องมือที่ช่วยในการโปรโมตเนื้อหา (Content) หรือเว็บไซต์ของแบรนด์ และยังสามารถเป็นตัวช่วยผลักดันเว็บไซต์ ของแบรนด์ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ดีขึ้น เพื่อเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึงเว็บไซต์ได้ด้วย ข้อดีของเครื่องมือนี้ก็คือ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวงกว้าง สะดวก รวดเร็ว และช่วยในเรื่องของการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการบอกต่อ (Viral) ได้ง่ายขึ้นด้วย แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการใช้ Social Media ก็คือ เราจะใช้อย่างไร จะสื่อสารอะไร จะสื่อสารอย่างไร แล้วเราจะใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ อย่างไรมากกว่า (Integrate Marketing)  ซึ่งในปีที่ผ่านมา Social Media ที่นิยมนำมาใช้ในการทำ Digital Marketing ได้แก่ Facebook, Twitter, Instagram, YouTube และ Line เป็นต้น โดยเลือกใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้


Search Engine Optimization หรือที่เราเรียกกันว่า SEO คือ กระบวนการที่ทำให้เว็บไซต์ของแบรนด์ปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของผลการค้นหาผ่าน Search Engine อย่าง Google โดยเทคนิคนี้จะทำให้แบรนด์ของเรารักษาอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการมองเห็นและคลิกเข้ามาที่เว็บของเราก่อนเสมอ ซึ่งการทำ SEO จะประกอบไปด้วย การปรับปรุงหน้าเว็บไซต์และเพิ่มคำสำคัญ (Keywords) ในหน้าเว็บไซต์ รวมถึงวิธีอื่นๆ ควบคู่กันไป ซึ่งเครื่องมือนี้จะตอบโจทย์กับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะต้อง “ค้นหา” ก่อนเสมอเวลาต้องการอะไร และแน่นอนว่า Google คือสิ่งแรกที่เราจะเข้าถึง ดังนั้นนักดิจิทัลจึงต้องศึกษาว่า เราจะใช้งานมันยังไงและทำอะไรได้บ้าง เพื่อผลการค้นหาที่ดีขึ้น และที่สำคัญ SEO เป็นเครื่องมือและศาสตร์ที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญอย่างสูงด้วย


Google AdWords คือ เครื่องมือที่ให้บริการโฆษณาแบบเสียเงินผ่านเว็บไซต์ Google ซึ่งเป็น Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้ระบบของการประมูลที่เราจะต้องประมูลราคา Keyword ที่เราจะใช้ เพื่อให้ได้ตำแหน่งของการเห็นบน Google ที่ดีที่สุด ทั้งนี้การจะทำให้โฆษณาของเราประสบผลสำเร็จบน Google AdWords ได้นั้น จะมีองค์ประกอบสำคัญที่ต้องปรับแต่งด้วย ดังนี้

  • Keyword คือ การเลือกคำหรือวลีที่เป็น Keyword ให้ตรงกับเว็บไซต์ของแบรนด์เราและตรงกับกลุ่มธุรกิจที่มี
  • Keyword และ Demand ของความต้องการตรงกัน
  • Banner คือ การทำป้ายโฆษณาที่แสดงบนเว็บไซต์ ต้องดึงคนให้เข้ามาในเว็บของแบรนด์เรา และยังคงต้องมี
  • Keyword หลักอยู่ใน Banner นั้นด้วย
  • Landing Page คือ การทำหน้าโฆษณาที่เมื่อคนคลิกหน้านี้แล้ว จะเข้ามายังเว็บไซต์ของแบรนด์เรา

ซึ่งการทำ Google AdWords ทั้งหมดนี้จะเป็นสิ่งที่เพิ่มประสิทธิภาพของการโฆษณาเว็บไซต์ของแบรนด์เราได้ดีที่สุด

บริการของ Google AdWords มีชื่อเรียกได้หลายรูปแบบ ดังนี้

Keywords Advertising

บริการ AdWords

Pay Per Click (PPC), Pay Per Click Advertising

Cost Per Click (CPC)

Sponsored Link, Sponsored Results

Paid Placement, Paid Listing, Paid Advertising

Google Analytics คือ เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติของเว็บไซต์ของแบรนด์เรา ซึ่งจะมีสถิติหลักอยู่ 4 กลุ่ม ดังนี้

  • Audience Report จะบอกข้อมูลทางสถิติของประชากรซึ่งจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาในเว็บของเรา เช่น เพศ อายุ ความสนใจ เทคโนโลยีที่ใช้ ภูมิศาสตร์ เป็นต้น
  • Acquisition Report จะบอกข้อมูลทางสถิติของการเข้าเว็บไซต์ของเราว่ามาจากช่องทางใด เช่น Social Media, Direct Link หรือ Search Engine เป็นต้น ในส่วนนี้ยังมีการแสดงข้อมูลจากการโฆษณาใน AdWords ให้ด้วย ซึ่งค่อนข้างละเอียดและสามารถนำไปใช้ Optimize โฆษณาให้ดีขึ้นได้
  • Behavior Report จะบอกข้อมูลทางสถิติที่เป็นพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้ ซึ่งจะเน้นไปในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงที่ว่าในแต่ละหน้า (Page) ของเว็บไซต์เรามีจำนวนคนเข้าชมกี่คน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ และการเข้าชมนั้นมีเวลาเฉลี่ยในการเข้าชมในแต่ละหน้าจำนวนกี่นาที ซึ่งเราจะรู้ทันทีว่าหน้าใดที่มีความสำคัญ หน้าใดที่มีปัญหาและต้องการการแก้ไข
  • Conversion เป็นเมนูที่ใช้ตั้ง Goal ตามที่เราต้องการไว้ใน Analytics เช่น การสั่งซื้อสินค้า การลงทะเบียนสมัครสมาชิก เป็นต้น

คงต้องบอกว่าทั้งหมดนี้ คือสิ่งจำเป็นที่นักดิจิทัลอย่างเราต้องรู้จักการทำ Analytics และจะต้องทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง


Mobile Marketing คือ สิ่งที่นักดิจิทัลต้องเรียนรู้และรู้จักพื้นฐานของ Mobile Tools ในประเภทต่างๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น

  • Operating System คืออะไร
  • ระบบ iOS, Android หรือ Window Phone เป็นอย่างไร
  • Mobile Advertising และ Mobile Site คืออะไรใช้ทำอะไร
  • รู้จัก Mobile Feature, Location Service, และระบบ Mobile Scanning
  • Mobile Search คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
  • รวมถึงการใช้ SMS Marketing ด้วย

สุดท้ายนี้ ลองถามตัวเองว่า

“เรามี Hard Skills และ Soft Skills ที่จำเป็นแล้วหรือยัง”

ถ้ายัง… ตอนต่อไปเราจะพูดถึงเรื่องของ Hard Skills และ Soft Skills กันนะจ๊ะ

เรื่อง Digital Marketing ที่คุณอาจสนใจ :

สิ่งที่ควรรู้และควรทำ ของสายอาชีพ “Digital Marketing”

“Hard Skill” ทักษะด้านความรู้และความสามารถ ของ Digital Marketing (ตอน 1)

“Hard Skill” ทักษะด้านความรู้และความสามารถ ของ Digital Marketing (ตอน 2)

“Soft Skill” ทักษะด้านอารมณ์ & ความสัมพันธ์ ของนัก Digital Marketing

หาที่ฝึกงาน/งาน ตำแหน่ง Digital Marketing

advertising adwords digital marketing e-mail google hard skill