หาเด็กฝึกงานอย่างไร ให้คลิกกับองค์กร !
หาเด็กฝึกงานอย่างไร ให้คลิกกับองค์กร !
หากพูดถึงเรื่องการฝึกงานแล้ว ในปัจจุบันนี้บริษัทหรือองค์กรชั้นนำต่าง ๆทั้งใหญ่และเล็กต่างก็ต้องการตัวเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความสามารถ หรือมีแพชชั่นเปี่ยมเพื่อเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจคต์ หรือทีมปฏิบัติงาน และพร้อมที่จะปั้นพวกเขาให้เป็นพนักงานที่มีศักยภาพสูงอย่างเต็มตัวเพื่อร่วมงานกันไปยาว ๆในอนาคต
และแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะได้น้อง ๆฝึกงานในแบบที่องค์กรได้คาดหวังไว้ อาจเพราะไม่รู้ว่าต้องไปประกาศรับสมัครจากแหล่งไหน หรือว่าหลังรับน้อง ๆเข้าไปแล้ว ก็ไม่ได้มีโครงการ หรือ กระบวนการฝึกงานที่ชัดเจน เลยทำให้ท้ายที่สุดแล้วเด็กอาจสับสนหรือไม่ได้รับประสบการณ์ฝึกงานเพื่อเพิ่มทักษะที่ดีพอ ในขณะเดียวกันพี่ๆในองค์กรอาจจะดึงความศักยภาพที่อยู่ในตัวของน้องๆ ออกมาได้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น
วันนี้ เด็กฝึกงานดอทคอม เลยรวบรวมทริค 5 สเต็ป สำหรับทีมมือใหม่ หาเด็กฝึกงานอย่างไร ให้คลิกกับองค์กร ไม่ต้องมานั่งเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย และทรัพยากรไปแบบฟรีๆ แถมได้เด็กดี๊ดีไปร่วมงานด้วยในอนาคต
1. กำหนดให้ดี อยากรับเด็กฝึกงานในช่วงเวลาไหน
หลายบริษัทมีแผนที่อยากจะรับน้อง ๆนักศึกษาเข้ามาร่วมฝึกงานด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าจะต้องรับเด็กฝึกงานเข้ามาในช่วงเวลาไหน ระยะเวลานานเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสม เพราะกลัวจะไม่มีเด็กสนใจสมัครเข้ามา
ในแรกเริ่มอาจต้องคิดวางแผนกับทางทีมให้ดีว่าช่วงเวลาใดที่เรามีเวลาและเจ้าหน้าที่เพียงพอในการฝึกสอนงานให้กับน้อง ๆได้นานที่สุด หรือมีระยะเวลาโครงการที่เราต้องการน้อง ๆเหล่านี้มาให้ช่วยมากที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วการฝึกงานจะมีระยะเวลาอยู่ที่ 3 - 6 เดือนโดยประมาณตามนโยบาย หรือคำสั่งจากสถาบันการศึกษาต้นสังกัด เพื่อให้น้องๆได้รับประสบการณ์การฝึกงานอย่างเต็มที่และเกิดประโยชน์สูงสุด แต่อย่างไรก็ตามทางองค์กรเองก็สามารถเลือกน้องๆ ฝึกงานที่มีระยะเวลายาวกว่านี้ได้ แต่ไม่ควรเป็นช่วงเวลาที่สั้นกว่า 3 เดือน
แนะนำว่าหลังจากทราบระยะเวลาเหมาะสมสำหรับองค์กรแล้ว ควรทำการประกาศฝึกงานโดยระบุช่วงเวลาที่ต้องการให้ชัดเจน และประกาศล่วงหน้าให้เด็ก ๆทราบ อย่างน้อยเป็นเวลา 8 เดือนก่อนการฝึกงานจริงจะเริ่มต้นขึ้น จะช่วยให้องค์กรสามารถคัดเลือกเด็กตรงกับสเปคที่อยากได้เป็นจำนวนมาก
2. สวัสดิการดี ได้เด็กดีไปครองมากกว่าครึ่ง
นอกเหนือจากการให้ประสบการณ์และทักษะการทำงานแล้ว สวัสดิการก็เป็นหนึ่งสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องคำนึงถึงด้วยนะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อบังคับว่าองค์กรจะต้องจ่ายตอบแทน หรือสวัสดิการแก่เหล่านักศึกษาฝึกงาน ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกับโอกาสในการเข้ามาฝึกงาน แต่ในความเป็นจริง การมอบสวัสดิการต่าง ๆ อาทิ เบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง สวัสดิการอาหารกลางวัน ค่าอบรมฝึกทักษะพิเศษนอกเหนือชั่วโมงฝึกงาน หรือแม้กระทั่งโอกาสในการประกอบอาชีพต่อในอนาคต ให้แก่น้องๆ นักศึกษา ก็ถือเป็นแรงจูงใจ ให้น้อง ๆเกิดความรู้สึกสนใจที่อยากจะเข้ามาสมัครฝึกงานกับเราเยอะๆ เลยล่ะค่ะ และในขณะเดียวกัน ก็ยังทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเองมีความโดดเด่น ถือเป็นการตัดกำลังคู่แข่งกับสถานประกอบการอื่น ๆ ที่จะได้ตัวเด็กฝึกงานเก่งๆได้ด้วยนะ
3. ลงประกาศรับสมัครให้ถูกที่
มั่นใจว่าสมัยนี้ คงแทบจะไม่มีบริษัทไหนเลือกติดประกาศรับเด็กฝึกงานแบบ offline หรือออกบูธตามงานอีเวนท์ ตามรั้วด้านหน้าออฟฟิศ ตามเสาไฟฟ้าแบบเลื่อนลอยกันแล้ว เสียทั้งเวลา และทรัพยากรอีกต่างหาก เพราะเราอยู่ในยุคแห่งโซเชียล 4.0 มีแพลตฟอร์มเจ๋งๆมากมาย ไว้ให้เหล่าบริษัทยุคใหม่เลือกทำคอนเทนต์ลงประกาศรับสมัครฝึกงานแบบ online กัน แต่ในหลายที ที่ฝ่ายสรรหาเลือกที่ลงประกาศตามพื้นที่ฟรี แต่ไม่ค่อยมีเด็กมาสมัครเข้ามา หรือสมัครมาเป็นจำนวนน้อย ครั้นจะไปติดต่อหาเด็กเองก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายไปอยู่ตรงไหน
เพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้ แนะนำให้ทางสถานประกอบการลองมองหาเว็ปไซต์รับโพสต์ประชาสัมพันธ์ที่โฟกัสเกี่ยวกับการฝึกงานโดยตรง เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านั้นเป็นแหล่งที่เหล่านักศึกษาเขารวมตัวกันอยู่ที่นั่น เลยทำให้เด็กๆ ได้รู้จักกับองค์กรมากขึ้น และเข้ามาสมัครฝึกงานกับเราแบบตรงตำแหน่ง ตรงคุณสมบัติกันเลยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธีสุดแสนจะคลาสสิค นั่นก็คือการติดต่อไปยังสถาบันศึกษาต่าง ๆ เพื่อฝากประชาสัมพันธ์ หรือร่วมกันทำข้อตกลงร่วมกัน (MoU) โดยตรง แต่ในส่วนของวิธีนี้อยากแนะนำว่า ตัวองค์กรต้องมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนมาก ๆว่าต้องการนักศึกษาจากสถาบันใด คุณสมบัติ และทักษะความรู้ในระดับใด ก่อนยื่นเรื่องเข้าไปติดต่อค่ะ
ขอแนะนำ เด็กฝึกงาน.com เว็บไซต์ที่รวบรวมเด็กฝึกงานทุกสายอาชีพ และ
สถานที่ฝึกงานเยอะที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ให้ลงประกาศรับสมัครและเลือกสรรกันอย่างเต็มที่ทั้งเว็บไซต์ และ Social Media ของเด็กฝึกงานดอทคอม มียอดผู้เข้าชมมากกว่า 250,000 คนต่อเดือน หากต้องการบุคลากรดี ๆ ไปร่วมทำงานด้วย อย่าลืมเข้าไปที่ เด็กฝึกงานดอทคอม กันนะคะ
4. ออกแบบโปรแกรมฝึกงานให้ชัดเจน
ในขั้นตอนแรกอาจลองประชุมปรึกษาหารือกับทีมภายในองค์กร
พร้อมตั้ง-ตอบคำถามเบื้องต้นก่อนลงมือจัดตั้งโปรแกรมฝึกงาน
1. โปรแกรมฝึกงาน จัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์อะไร มีเป้าหมายอย่างไร
2. กระบวนการการฝึกงาน ทามไลน์ (ลำดับเวลา) การฝึกเป็นอย่างไร
3. เจ้าหน้าที่ หรือพี่เลี้ยงที่เด็กจะไปฝึกงานด้ว มีจำนวนกี่คน
4. องค์กรต้องการนักศึกษาฝึกงานในสาขา หรือแผนกใดบ้าง ต้องการรับกี่คน
หลังจากได้ข้อมูลที่จำเป็นแล้ว นำมาสรุปรวมเป็นโครงการ พร้อมทำไปประชาสัมพันธ์ออกไปให้นักเรียน นักศึกษาได้รับรู้และเข้าใจอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่า โปรแกรมฝึกงานที่จัดขึ้นมีความสำคัญ มีประโยชน์อย่างไร และพวกเขาจะได้รับอะไรกลับไปบ้าง หรือต้องชัดเจนไปถึงขั้นที่ว่า หากฝึกจบแล้ว พวกเขาจะมีโอกาสได้ไปต่อในสายงานที่เขาได้ฝึกกับองค์กรคุณมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตรงจุดนี้ทางองค์กรเองต้องเตรียมพร้อมสำหรับการให้ข้อมูล อธิบายรายละเอียดกรณีที่มีข้อสงสัยจากน้องๆที่มีการสอบถามเข้ามาด้วย
“การฝึกงาน” ไม่ใช่เพียงแค่จนทำประกาศรับสมัคร ติดต่อสรรหาเด็กเข้าไปฝึกฝน ช่วยงานง่าย ๆสั้น ๆแค่นั้น แต่เพราะเป็น “การฝึกงาน” นี่แหละ องค์กรจึงต้องออกแบบ วางแผน บริหารจัดการฝึกงานของตนเองให้มีความชัดเจน เปรียบเสมือนกับเป็นโปรเจคต์หนึ่งเพื่อให้ความสำคัญกับเด็กรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกประสบการณ์การทำงานได้อย่างเต็มที่ และเพื่อที่พวกเขาจะก้าวเข้าไปสู่การเป็นคนทำงานที่ดีในอนาคต อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าอยากได้เด็กฝึกงานเจ๋ง ๆมาอยู่กับองค์กร อย่ารอช้า นำทริคทั้งสี่นี้ไปใช้แล้วเริ่มเฟ้นหาดาวเด่นดวงใหม่กันได้เลย