มาฝึกงานยังไงให้มี ‘ ของ ’ ติดสมองกลับไปด้วย
#ของมันต้องมี มาฝึกงานยังไงให้มี ‘ของ’ ติดสมองกลับไปด้วย
เกิดมาครั้งหนึ่งต้องได้ฝึกงาน! ในชีวิตการเป็นนักศึกษาช่วงปี3 ปี4 ต้องได้เรียนวิชาที่ใช้ชื่อประมาณว่า ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ อะไรทำนองนี้กันแน่นอน มันก็คือ การฝึกงาน นั้นเอง! พอได้ที่ฝึกงานแล้วก็ดีใจผลุแตก โม้เพื่อนอวดแม่ไปไกลถึงดาวอังคาร ‘ได้ฝึกงานที่นั้นแหละ ที่นี่แหละ ที่นู่นแหละ โครตดีอ่ะแกกกก’ ดังนั้นเมื่อได้ที่ฝึกงานที่โดนใจแล้วต้องกอบโกยความรู้ให้ได้มากที่สุด เอาให้ฝึกงานเสร็จแล้วแสงออร่าแห่งความเก่งเจิดจรัสสว่างจ้าออกมากันเลย
แต่จะทำยังไงละ ให้ฝึกงานแล้วประสบความสำเร็จมากที่สุด ก็ช่วงฝึกงานนี่ทั้งเหนื่อย ท้อ เครียด กดดัน หมดกำลังใจกันสุดๆ กับความ ไม่ชิน ในการฝึกงาน ที่เปรียบเสหมือนการทำงานจริงไม่เหมือนทำงานกับเพื่อนๆในมหาวิทยาลัยเลยนะจ๊ะ วันนี้เลยมีทริคดีๆ ที่จะทำให้การฝึกงานของเราไม่ล้มเหลวและได้ ‘ของ’ ติดตัวออกไปใช้ในสมสุมจริงแน่นอนแต่บอกก่อนนะว่า ‘ของ’ ในที่นี้ไม่ใช่สิ่งของเงินทอง แต่เป็น ประสบการณ์ และ ความรู้ ที่เราจะได้จากพี่ๆที่สอนงานเรา
1. ‘ มาฝึกงานที่ค่ายทหารป่ะเนี้ย ’ มาฝึกงานนี่ไม่ใช่แค่ต้องมีวินัยเฉพาะเรื่องงานนะรู้ยัง? จริงๆแล้วมันเริ่มตั้งแต่ตื่นนอนเลยทีเดียว ฝึกงานต้องตรงเวลา เข้างานเช้าต้องตื่นเช้า มาให้ทัน อย่าคิดว่ามาสายแล้วพี่ๆไม่เห็นว่าอะไรเลย ขอสายสักหน่อยแล้วกัน ไม่ได้นะจ๊ะ เพราะว่าเรามา ฝึกงาน เราต้องฝึกตัวเองให้ได้แม้จะโอดครวนว่า เช้าจังเลย งานยากจังเลย เหนื่อยจังเลย แต่เพราะว่านี่คือการฝึกงาน เราจึงต้องฝึกๆขุดๆตัวเองขึ้นมาให้ได้ สู้ๆนะ
2. ‘ โอ๊ยอ๊องไปหมดแล้ววววว พี่จ๋าช่วยหนูด้วย ’ เข้าหาพี่บ่อยๆ ฝึกงานต้องมีพี่เลี้ยงคู่ใจคอยให้คำปรึกษาอยู่แล้ว คล้ายๆเป็นเจ้านายเรานั่นแหละ พี่เลี้ยงน้องจากจะคอยตอบข้อสงสัยเรื่องงานเราแล้ว พี่ๆมักจะสอดแทรกความรู้อื่นๆเพิ่มเติมให้เสมอระหว่างฝึกงาน ดังนั้นรู้สึกว่ามีปัญหาอะไรระหว่างฝึกงาน งง สมองตัน เครียด เหนื่อย เดินหาพี่ๆเลย ไม่ต้องกลัว! (ฉีดยาแล้ว)
3. ‘ ตอนเรียนไม่เห็นได้ทำแบบนี้เลยอ่ะ ’ แต่ต้องมั่นเรียนรู้นอกกรอบนะ ตอนฝึกงานคงพูดแบบนี้กันบ่อยๆใช่มั้ยล่ะ แต่แม้งานที่พี่ๆส่งมาให้อาจจะไม่ใช่ทางถนัดหรือสิ่งที่เราชอบนัก แต่การค้นคว้าเพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมนั่นเป็นสิ่งดีมากๆเลยนะ เพราะว่าเราได้เรียนรู้อย่างกว้างขวางช่วงระหว่างฝึกงานก่อนออกไปทำงานจริงนั้นเอง ใครจะไปรู้ละว่าวันนี้มาฝึกงานเป็นเด็กเขียนคอนเทน วันหน้าอาจจะทำงานเป็นเซลขายของรวยเละแบบบ้านบึ้มเลยก็ได้นะ
4. ‘ ยากไป ไม่ทำ ☹ ’ อย่าเทงาน แม้จะยาก หรือ พรีเซนไม่ผ่านอยู่นั้นแหละ ให้แก้อยู่นั้นแหละ แต่จำไว้ว่า จงตั้งใจทำอย่างเต็มที่ เพราะว่าเรากำลังอยู่ในช่วงฝึกงาน ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะว่า ฝึกงาน เพราะมันยากเราเลยต้องฝึกฝน ฝึกงานที่มันยากไปเรื่อยๆ สะสมประสบการณ์ไว้เยอะๆ ทำให้เรามี ‘ของ’ ไปโชว์ในวันข้างหน้า
5. ‘ ความคิดเรานี่เจ๋งจริงๆ ’ ระวังจะเจ๊งนะข่า รับฟังความเห็นของพี่ๆและเพื่อนที่ฝึกงานด้วย เพราะในช่วงฝึกงานเราจะได้เจอเพื่อนต่างสถาบันที่ทั้งต่างความคิดความสามารถอย่าคิดว่าความเห็นของเรานี่มันกิ๊บเก๋ฮูเลฮูล่าที่สุดบนโลกนี้ ลดอีโก้แล้วเปิดใจรับฟังคนอื่น
6. ‘ อันนี้ทำไม่ได้ ไม่อยากทำแล้ว ’ ผูกมิตรกับเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกันไว้บ้างนะ เพราะต่างคนมาจากที่กัน ความรู้ความสามารถก็ต่างกัน แม้จะเป็นเพื่อนที่มาฝึกงานคนละสายกับเราแต่ก็ทำความรู้จักกันไว้ ลองเรียนรู้จากเพื่อนที่ฝึกงานต่างสายกับเราดูสิน่าสนุกออกนะ แถมได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ต่อยอดความรู้พัฒนาตัวเองได้อีกเยอะเลย
7. ‘ ทำงานเยอะแยะเอาไปใช้จริงแค่นิดเดียว ’ คิดบวกเข้าไว้ แม้ว่าบางงานที่ทำเสร็จแล้วอาจจะไม่ได้เอาไปใช้จริง ก็อย่าเพิ่งคนน้อยเนื้อต่ำใจไปเลย ถึงไม่ได้ใช้งานจริงแต่ก็สร้างเก็บเป็นผลงานตอนเรียนจบได้นะรู้ป่าว เรียนจบใหม่ๆประสบการณ์ยังน้อยก็เอาผลงานตอนฝึกงานนี่แหละไปใส่ใน Portfolio ได้
ในช่วงฝึกงานจริงๆอาจมีปัญหามากมายกว่านี้อีกเยอะ เพราะเราได้ฝึกงานจริง ทำงานจริง เครียดจริง เจอปัญหาของจริง! แถมเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันทุกงานทุกเวลา ค่อยๆคิดและแก้ไขปัญหา หลายๆคนอาจจะคิดว่าเรามาฝึกงานต้องได้ทำงานที่เราอยากทำสิ ต้องได้ทำแต่ในสิ่งที่เราเรียนมา แต่การที่พี่ๆให้เราได้ลองฝึกงานที่เราไม่เคยได้ลอง มันอาจทำให้เราเห็นอีกมุมหนึ่งของตัวเองก็ได้ว่าจริงๆแล้วเรามีความสามารถหรือความถนัดอย่างอื่นเหมือนกันและเราอาจะทำมันได้ดีด้วย
ฉะนั้น ในช่วงระหว่างฝึกงานต้องพยายามคิด ฝึกฝน ทบทวน และศึกษากรอบให้ครอบรอบด้านมากที่สุด ยิ่งพยายามเยอะยิ่งมี ของ เยอะ ที่นี้ตอนสมัครงานก็สบายแล้วละเพราะเราสามารถไปปล่อย ของ ที่เรามีโชว์ออกมาอย่างภูมิใจได้ แม้จะมีของมากหรือน้อยก็ยังดีกว่าที่เราไม่มีอะไรเลยในตัวเอง