เด็กฝึกงาน ได้ชื่อว่าเป็น “ทรัพยากรบุคคลต้นทุนต่ำ” บริษัทที่กำลังมองหาเด็กฝึกงาน เขาจะยอมลงทุนกับเราหรือไม่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองล้วนๆ และสิ่งที่ทำให้เด็กฝึกงานมัดใจองค์กรได้อย่างดีก็คือ “ความตั้งใจ”

ยุคโซเชียลแบบนี้ เรามักจะส่ง “resume” ทางอีเมล หรือออนไลน์อยู่แล้ว แต่จะใส่ข้อมูลอะไรลงไปบ้าง ลองมาดูกัน

“resume” ต้องมีอะไรบ้าง
“ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรฯ อีเมล และรูปถ่าย” เป็นสิ่งแรกที่ควรใส่ลงไป เพราะองค์กรจะได้รู้ว่าเราเป็นใคร มาจากไหน จะติดต่อกลับได้ยังไง ข้อมูลต่อมาที่ขาดไม่ได้คือ… 

“เกรด คณะ มหาวิทยาลัย” จะทำให้รู้ว่าสาขาวิชาที่เรียนตรงกับความต้องการ และสายงานที่จะฝึกหรือไม่ ส่วน… 

“ความสามารถ ความสนใจ และกิจกรรมสมัยเรียน” จะช่วยให้องค์กรสนใจเรามากขึ้น เพราะทักษะเหล่านี้เป็นประโยชน์ในการฝึกงานทั้งนั้น และสุดท้ายคือ… 

“ตำแหน่งที่อยากจะฝึก” ทำให้รู้ว่าเรามีความสนใจฝึกงานตำแหน่งนั้นจริงๆ แต่เดี๋ยวก่อน !! อย่าลืมว่า…

“สรุปเป้าหมาย และทัศนคติ” ให้ชัดเจน เพราะมันแสดงถึงความตั้งใจจริงของเราที่อยากจะฝึกงาน

การออกแบบ “resume” ต้องน่าสนใจแต่ไม่ซับซ้อน
         สีสันตัวหนังสือ หรือพื้นหลังไม่จำเป็นต้องฉูดฉาด หรือมีลวดลาย จนทำให้อ่านยากมากนัก 
        สัดส่วนเนื้อหาให้ชัดเจน ทำออกมาเข้าใจง่าย และใส่ภาพประกอบให้ดูน่าสนใจ
        ไม่ควรยืดยาวเกิน 2 หน้ากระดาษ A4 และอย่าลืม!! เช็กคำผิดให้ดีก่อนส่งด้วยล่ะ
ปัจจุบันนี้ ‘resume’ สำหรับ ‘เด็กฝึกงาน’ สามารถทำได้ง่ายและสะดวกบน ‘เว็บไซต์’ แต่ควรแนบผลงานของเราลงไปด้วย เพราะ Portfolio จะช่วยยืนยันความสามารถ และความถนัดของเรา

“resume” ไม่จำเป็นต้องส่งแค่เพียงเอกสารเท่านั้น
พี่เชื่อว่าทุกคนมีไอเดียและมีของอยู่ในมือ “resume” จะเป็นทั้งรูปแบบ คลิปวีดิโอ, infographic  หรือวาดการ์ตูนcommic ก็ได้ ไอเดียใหม่ๆ และสร้างสรรค์แบบนี้ ก็ยิ่งทำให้บริษัทอยากรู้จักเรามากขึ้นด้วย

“แค่ตั้งใจก็ชนะ” คือ “ชนะใจ” องค์กร มาสร้างความประทับใจแรกด้วย “resume” กันดีกว่า แล้วเราจะไม่ได้เป็นแค่ทรัพยากรต้นทุนต่ำเท่านั้น แต่จะเป็นเด็กฝึกงานเพื่อสิ่งที่มี “คุณค่าที่คุณควรคู่”