เด็กฝึกงาน.com

Virtual Internship ทางเลือกของการฝึกงาน สไตล์คน Gen Z

  • บทความนักศึกษา
  • 18/12/20
  • 4,026
Virtual Internship ทางเลือกของการฝึกงาน สไตล์คน Gen Z

Virtual Internship อีกทางเลือกของการฝึกงาน สไตล์คน Gen Z

หากกล่าวถึงการฝึกงานแล้ว หลายคนอาจนึกถึงวิธีการที่นักศึกษาจะต้องออกเดินทางไปนอกบ้านเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์การทำงาน ก่อนที่จะจบการศึกษาจากสถาบันและก้าวขึ้นสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว แต่ในปัจจุบัน ด้วยยุคสมัยที่อินเตอร์เน็ตสามารถเชื่อมต่อเรากับคนทั่วโลกได้อย่างง่ายดายแล้วนั้น การฝึกงานอีกรูปแบบหนึ่งจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดแรงงาน รวมทั้งได้รับความสนใจจากองค์กรต่าง ๆ และเหล่านักศึกษากันอย่างน่าจับตามอง สิ่งนี้ถูกเรียกว่า Virtual Internship

Virtual Internship คืออะไร?

Virtual Internship, Remote Internship และ Online Internship ทั้งสามคำนี้มีความหมายเหมือนกันในเชิงปฏิบัติ นั่นคือ การฝึกงานจากสถานที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่ยังมีอินเตอร์เน็ตเอาไว้เชื่อมต่อถึงองค์กรที่ฝึกงานด้วย โดยจะประสานงานกันผ่านทรัพยากรสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต เช่น Skype, Microsoft Teams หรือ E-mail ซึ่งการฝึกงานในรูปแบบนี้ค่อนข้างจะแตกต่างไปจากการฝึกงานแบบดั้งเดิมตรงที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าออฟฟิศและทำงานตามเวลาที่องค์กรกำหนด 

Virtual Internship อาจดูเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับคนไทย แต่อันที่จริงในบางสายงานในต่างประเทศได้มีการเปิดรับ
นักศึกษาฝึกงานออนไลน์กันมานานแล้ว อย่างเช่น Marketing, IT, Research, หรือ Data Entry เป็นต้น ร่วมด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบันนั้น ทำให้ Virtual Internship เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในต่างประเทศ โดยสายงานที่สามารถฝึกงานออนไลน์ได้ก็กว้างขวางมากขึ้นตามไปด้วย 

ฝึกงานแบบ Virtual Internship แล้วจะได้ประสบการณ์จริงเหรอ?

การฝึกงานแบบเดินทางไปสำนักงาน และการฝึกงานแบบ Virtual Internship นั้นมีจุดร่วมที่คล้ายคลึงกันอยู่
เช่น การที่เราจะกลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่ไปฝึกงานด้วย พร้อมทั้งต้องใช้การพูดคุยสื่อสารในระดับที่สูงขึ้น
เพื่อสื่อสารกับทีมที่ทำงาน และ ได้รับมอบหมายหน้าที่มาให้รับผิดชอบ จึงการันตีว่าได้รับประสบการณ์เพิ่มขึ้นแน่นอน

ในส่วนในเรื่องของความแตกต่างและข้อดี - ข้อเสียจะมีอะไรบ้าง ลองมาวิเคราะห์กันดู

ข้อดีของ Virtual Internship 

  1.  มีความยืดหยุ่นสูง
    การฝึกงานแบบ Virtual Internship ให้เราจัดการได้เองทั้งเรื่องของเวลาและสถานที่ทำงาน สามารถเริ่มทำงานในช่วงเวลาใดของวันก็ได้ สถานที่อาจเป็นที่ร้านกาแฟสักร้าน คาเฟ่ดี ๆ หรือแม้แต่ในห้องนอนก็สามารถทำงานได้
    และด้วยปัจจัยข้อนี้ยังทำให้มีโอกาสได้ไปฝึกงานกับองค์กรต่างประเทศอีกด้วยเพราะว่าไม่มีเรื่องของ
    การเดินทางเข้ามาเกี่ยวข้องให้หนักใจนั่นเอง
  2. ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย 
    เมื่อไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางเข้าออฟฟิศ ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการเดินทางลงได้
    และยังไม่ต้องเผื่อเวลาที่ใช้เดินทางในแต่ละวันอีกด้วย ส่งผลให้มีเวลาไว้ใช้เพื่องานและพักผ่อนเพิ่มขึ้นอีกมาก
  3. พัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยี
    นอกจากความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์การทำงาน อีกหนึ่งอย่างที่การฝึกงานแบบ Virtual Internship ให้ประโยชน์เราได้ก็คือ ความสามารถการใช้เครื่องมือบนอินเตอร์เน็ต มีโอกาสเรียนรู้มัลติมีเดียและเทคโนโลยีการสื่อสารใหม่ ๆ บนอินเตอร์เน็ต เพราะเป็นช่องทางที่ใช้ติดต่อสื่อสารกับองค์กรเป็นหลัก
  4. ประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น
    เนื่องจากสามารถเลือกสถานที่ เวลาทำงานและเวลาพักผ่อนได้เอง จึงทำให้มีแนวโน้มที่จะสามารถจดจ่อ
    กับงานได้มากกว่า และมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้นกว่าการฝึกงานแบบดั้งเดิม อีกทั้ง Virtual Internship  ยังทำให้มีโอกาสได้เจองานในระดับที่เข้มข้นกว่าการฝึกงานที่องค์กรเล็กน้อย เพราะจะปราศจากงานยิบย่อยที่อาจโดนรุ่นพี่จ้างวานให้ทำ เช่น ชงกาแฟ ถ่ายเอกสาร หรือแม้แต่การไปซื้อของใช้ก็ตาม

ข้อเสีย Virtual Internship 

  1. สังคมการทำงานแบบออฟฟิศที่หายไป
    แน่นอนว่าเมื่อการฝึกงานสามารถทำจากที่บ้านได้ สิ่งที่จะหายไปสิ่งแรกก็คือสังคมการทำงานแบบออฟฟิศ บรรยากาศการได้พบปะผู้คนแบบที่เจอกันจริง ๆ จึงทำให้อาจพลาดคำแนะนำหรือขาดประสบการณ์บางส่วนจากรุ่นพี่ที่ฝึกงาน เวลามีคำถามก็อาจไม่ได้รับคำตอบในทันท่วงที
  2. บกพร่องทางการสื่อสารได้ง่าย
    ใน Virtual Internship การสื่อสารมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งหมดขึ้นอยู่กับสัญญาณของอินเตอร์เน็ต ทุกครั้งที่มีการมอบหมายงานหรือประชุมอาจทำให้ได้รับสารมาไม่ถูกต้องหรือขาดตกบกพร่องไปบ้าง เพราะฉะนั้นหากสงสัยหรือไม่เข้าใจสิ่งใดให้รีบถามเลยทันที
  3. ต้องกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอ
    ในข้อดีกล่าวถึงประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องง่ายมากเมื่อการฝึกงานอยู่ที่บ้าน ปราศจากเวลาการทำงานและสภาพแวดล้อมที่กดดัน จะนำพาไปสู่พฤติกรรมที่ขี้เกียจและเฉื่อยชา จึงทำให้ต้องกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอและทำงานส่งให้ทันเวลาที่กำหนด

แล้ว Virtual Internship ให้อะไรกับองค์กร?

ไม่เพียงแค่ในแง่ของผู้สมัคร แต่ฝึกงานแบบ Virtual Internship ยังมีประโยชน์แก่หน่วยงานและองค์กรอีกด้วย เช่น

  • ตัวเลือกผู้สมัครที่มากขึ้น เมื่อการฝึกงานออนไลน์สามารถทำจากที่ใดก็ได้ บริษัทหรือองค์กรที่เปิดรับสมัครฝึกงาน ในแบบ Virtual Internship จะมีขอบเขตผู้ที่สมัครเข้ามามากมาย ทำให้มีโอกาสได้พบเจอผู้สมัครที่มีประสิทธิภาพ และคุณสมบัติตรงตามที่องค์กรค้นหาและอาจได้ร่วมงานกันในอนาคตเพื่อพัฒนาองค์กรต่อไป
  • ประหยัดทรัพยากร เนื่องจากไม่ต้องมีการเข้าทำงานที่ออฟฟิศ จึงทำให้ประหยัดทั้งพื้นที่และค่าใช้จ่าย สำหรับทรัพยากรออฟฟิศต่าง ๆ
  • มีความยืดหยุ่นสูง หนึ่งเรื่องที่เหมือนกันกับข้อดีของผู้สมัคร คือความยืดหยุ่นของเวลาสูง
    สามารถแบ่งเวลาให้คำปรึกษาหรือดูแลนักศึกษาฝึกงานตามตารางเวลาที่สะดวกขององค์กรได้

แม้ว่าการฝึกงานแบบ Virtual Internship จะดูสะดวกสบายต่อวิถีชีวิตของวัยรุ่นสมัยนี้ แต่ก็เป็นธรรมดาของทุกสิ่งที่ย่อมมีสองด้านเสมอทั้งข้อดีและข้อเสีย ขอให้ทุกคนพิถีพิถันในการเลือกสถานที่หรือรูปแบบการฝึกงานให้เหมาะสมกับตนเอง ศึกษาทั้งองค์กรและตนเองให้ดีเสียก่อน เพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมเต็มที่กับการเก็บประสบการณ์ที่เรียกว่า การฝึกงาน

ฝึกงาน ทำงาน ประสบการณ์ นักศึกษา การฝึกงาน นักศึกษาฝึกงาน เด็กรุ่นใหม่ ประสบความสำเร็จ วิธีหาประสบการณ์ แรงบันดาลใจ passion